ยุบหนอ พองหนอ ในคำศัทพ์ของพม่า
ทำไมต้องยุบหนอ พองหนอ .. บริกรรม ยุบอยู่ พองอยู่ มิได้หรือ?
กระจ่างแจ้งในดวงจิตวันนี้นี่เอง .. เมื่อได้ศึกษาภาษาพม่าจากพระอาจารย์
การกำหนดรู้ว่ายุบหนอ พองหนอนั้น คือการตามรู้กายปัจจุบัน คำว่า"หนอ" นั้นเป็นปัจจุบันกาลที่แปลงมาจากคำปัจจุบันกาลของพม่า โดยสมเด็จฯวัดมหาธาตุ .. เรามาตามรู้ความหมายพร้อมกับเรียนไวยากรณ์พม่าไปด้วยเลยครับ
กิริยาในภาษาพม่านั้นจะต้องมีคำบ่งให้รู้กาลเสมอ ต่างจากภาษาไทยที่ไม่ต้องมีคำบ่งกาล เช่น เขาไปบ้าน แต่พม่าต้องบอกว่า เขาไปบ้านอยู่ โดยคำว่า "อยู่" บ่งปัจจุบันกาล ( แล้ว และ จะ บ่งอดีตกาล และอนาคตกาลตามลำดับเช่นกัน) ดูคำพม่าครับ
သူသွားတယ် เขาไปบ้านอยู่
ิသူသွားပြီ เขาไปบ้านแล้ว
သူသွားမယ် เขาจะไปบ้าน
นักภาษาศาสตร์ด้านบาลีเรียก -တယ် , -ပြီ , မယ် ว่าเป็นวิภัตติ
คำว่ายุบ กับพองเมื่อเขียนในภาษาพม่าจะได้คำว่า
ยุบหนอ = ပိန်းတယ် เบงแด่ ออกเสียงไวยากรณ์ เบงแหน่
พองหนอ = ဖောင်းတယ် พองแด่ ออกเสียงตามไวยากรณ์ พองแหน่
กฏข้อที่หนึ่งต้องประกอบด้วยกาลปัจจุบัน တယ်
ทำไม แด่ จึงออกเสียงเป็นแหน่ ได้หล่ะหนอ
ท่านว่า တ ถ้าข้างหน้าเป็น ง งู င ให้ออกเสียง တ เป็น န
ท่านว่า တ ถ้าข้างหน้าเป็น န ให้ออกเสียง တ เป็น န
ฉะนั้น တယ် จึงมีเสียงเป็นแหน่ ด้วยกฏทั้งสองข้อข้างต้นนั้น
ครูบาอาจารย์ที่สอนกรรมฐานในพม่า เมื่อออกเสียงแหน่ ๆ ๆ .. ท่านสมเด็จวัดมหาธาตุ จึงได้บัญญัติคำ จากแหน่ เป็น หนอ หนอ ให้เหมาะสมกับคนไทย
เป็นที่มาด้วยประการฉะนี้
กระจ่างแจ้งในดวงจิตวันนี้นี่เอง .. เมื่อได้ศึกษาภาษาพม่าจากพระอาจารย์
การกำหนดรู้ว่ายุบหนอ พองหนอนั้น คือการตามรู้กายปัจจุบัน คำว่า"หนอ" นั้นเป็นปัจจุบันกาลที่แปลงมาจากคำปัจจุบันกาลของพม่า โดยสมเด็จฯวัดมหาธาตุ .. เรามาตามรู้ความหมายพร้อมกับเรียนไวยากรณ์พม่าไปด้วยเลยครับ
กิริยาในภาษาพม่านั้นจะต้องมีคำบ่งให้รู้กาลเสมอ ต่างจากภาษาไทยที่ไม่ต้องมีคำบ่งกาล เช่น เขาไปบ้าน แต่พม่าต้องบอกว่า เขาไปบ้านอยู่ โดยคำว่า "อยู่" บ่งปัจจุบันกาล ( แล้ว และ จะ บ่งอดีตกาล และอนาคตกาลตามลำดับเช่นกัน) ดูคำพม่าครับ
သူသွားတယ် เขาไปบ้านอยู่
ิသူသွားပြီ เขาไปบ้านแล้ว
သူသွားမယ် เขาจะไปบ้าน
นักภาษาศาสตร์ด้านบาลีเรียก -တယ် , -ပြီ , မယ် ว่าเป็นวิภัตติ
คำว่ายุบ กับพองเมื่อเขียนในภาษาพม่าจะได้คำว่า
ยุบหนอ = ပိန်းတယ် เบงแด่ ออกเสียงไวยากรณ์ เบงแหน่
พองหนอ = ဖောင်းတယ် พองแด่ ออกเสียงตามไวยากรณ์ พองแหน่
กฏข้อที่หนึ่งต้องประกอบด้วยกาลปัจจุบัน တယ်
ทำไม แด่ จึงออกเสียงเป็นแหน่ ได้หล่ะหนอ
ท่านว่า တ ถ้าข้างหน้าเป็น ง งู င ให้ออกเสียง တ เป็น န
ท่านว่า တ ถ้าข้างหน้าเป็น န ให้ออกเสียง တ เป็น န
ฉะนั้น တယ် จึงมีเสียงเป็นแหน่ ด้วยกฏทั้งสองข้อข้างต้นนั้น
ครูบาอาจารย์ที่สอนกรรมฐานในพม่า เมื่อออกเสียงแหน่ ๆ ๆ .. ท่านสมเด็จวัดมหาธาตุ จึงได้บัญญัติคำ จากแหน่ เป็น หนอ หนอ ให้เหมาะสมกับคนไทย
เป็นที่มาด้วยประการฉะนี้
เก็บรายละเอียดตามคำของอาจารย์ ผิดถูกบ้าง โปรดอภัยข้าน้อย
ReplyDelete15/1/61